← กลับเมนูหลัก

คู่มือเลือกสารกันหมอง (Anti-tarnish) ให้ตรงกับงาน

เปรียบเทียบชนิดสาร ค่าเริ่มต้น การเตรียมผิว หน้าต่างกระบวนการ การจัดวาง การดูแลอ่าง และวิธีแก้ปัญหาที่พบบ่อย

ค่าเริ่มต้นที่แนะนำ

สารกันหมองทำงานโดยการสร้างชั้นฟิล์มบางๆ ที่มองไม่เห็นบนพื้นผิวโลหะเพื่อป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและสารประกอบซัลเฟอร์ในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการหมอง สารประเภทนี้เหมาะสำหรับโลหะเงิน ทองแดง และทองเหลือง โดยเฉพาะในงานเครื่องประดับหรือของตกแต่งที่ต้องการรักษาสภาพผิวเดิมและความแวววาวตามธรรมชาติของโลหะเอาไว้

แลคเกอร์เป็นสารเคลือบผิวที่หนากว่าสารกันหมองมาก มีลักษณะเป็นชั้นฟิล์มแข็งใสที่ให้ความมันวาวสูง แลคเกอร์เหมาะสำหรับชิ้นงานโลหะที่ต้องการการปกป้องอย่างถาวรจากปัจจัยภายนอก เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งที่ใช้งานหนักและต้องการความทนทานต่อการขีดข่วนเป็นพิเศษ

ชนิด ช่วงตั้งต้น เหมาะกับงาน
แบบจุ่มเย็น อุณหภูมิห้อง · 30–120 วินาที · ความเข้มข้นตามคู่มือ เงิน ทองเหลือง เครื่องประดับ งานที่ต้องการฟิล์มใส ไม่เปลี่ยนโทน
แบบจุ่มร้อน 45–65°C · 20–90 วินาที · กวนเบาๆ ทนเหงื่อ/ชื้นสูงกว่า เหมาะงานใช้งานหนัก ทนต่อเหงื่อ
Electro (ไฟฟ้า) อุณหภูมิห้อง–40°C · CD 0.1–0.5 A/dm² · 10–60 วินาที ต้องการฟิล์มสม่ำเสมอ คุมความหนา/โทนได้ดี เหมาะงานซับซ้อน
Tin Anti-tarnish 50–60°C · 20–60 วินาที · ล้าง DI เข้ม งานชิ้นส่วนดีบุก/ทองเหลืองที่ต้องป้องกันคราบกำมะถัน/นิ้วมือ
Top-coat/Sealer แช่/พ่น · อบ 60–90°C 10–20 นาที เพิ่มทนการถู/เหงื่อ ใช้เดี่ยวหรือเสริมหลัง anti-tarnish

การเตรียมผิวก่อนลงสาร

1) ล้างคราบไขมัน (ด่าง/อัลตร้าโซนิก) → 2) ล้างน้ำคุณภาพดี 2–3 ขั้น → 3) Neutralize/Activate บางกรณี (โดยเฉพาะ Ag/Brass) → 4) ล้าง DI เข้ม ก่อนลงสารกันหมอง

หลีกเลี่ยงคลอไรด์/คราบน้ำกระด้างบน Ag เนื่องจากเร่งการหมอง ใช้ DI/RO และเสริมสารช่วยเปียกเพื่อป้องกัน water-mark

หลังลงสาร ควรล้าง DI แบบไหลทวนเร็วและทำให้แห้งทันที (มีดลมร้อน/อบอุ่น) เพื่อป้องกันคราบขาว/รุ้ง

หน้าต่างกระบวนการ (ตามชนิด)

ชนิด/ตัวแปร ต่ำ กลาง สูง สังเกตการณ์
จุ่มเย็น: เวลา ≤30s 45–60s >90s เวลาสั้นไปปกป้องไม่พอ ยาวไปเสี่ยงฟิล์มหนา/หม่น
จุ่มร้อน: อุณหภูมิ ≤45°C 50–60°C ≥65°C สูงไปเกิดรุ้ง/คราบ เกินจำเป็น เพิ่มโอกาสลื่นหลุด
แบบไฟฟ้า: CD 0.1 A/dm² 0.2–0.3 0.4–0.5 สูงไปฟิล์มด้าน/ไม่ใส ต่ำไปประสิทธิภาพต่ำ
ดีบุก: เวลา ≤20s 30–45s ≥60s ยาวเกินเกิดโทน/คราบขาวได้

บันทึกค่าที่ให้ผลดีที่สุดเป็นสแตนดาร์ด พร้อมภาพตัวอย่างก่อน/หลัง และทดสอบความทนตามข้อกำหนดลูกค้า

การจัดวาง

การจัดวางชิ้นงานก่อนเคลือบก็สำคัญมาก ควรวางชิ้นงานบนตะแกรงหรือใช้คลิปแขวนเพื่อป้องกันการซ้อนทับ ทำให้สารเคลือบเข้าถึงได้ทุกส่วนอย่างสม่ำเสมอ และช่วยให้ชิ้นงานแห้งได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะทำให้การเคลือบมีประสิทธิภาพสูงสุด

การอบแห้งอย่างทั่วถึง: หลังจากการเคลือบ การจัดวางชิ้นงานให้มีช่องว่างระหว่างกันยังช่วยให้ อากาศสามารถไหลเวียนได้ดี ทำให้กระบวนการอบแห้งเป็นไปอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ลดโอกาสที่ชิ้นงานจะเกิดคราบหรือรอยด่างจากความชื้นที่ยังหลงเหลืออยู่

การดูแลอ่างและคุณภาพ

น้ำยากันหมอง: ควรเก็บในที่เย็นและมิดชิดเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพจากแสงแดดและความร้อน ต้องปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งานเพื่อป้องกันการระเหยและการปนเปื้อน และควรตรวจสอบความใสของน้ำยาก่อนนำกลับมาใช้ซ้ำ เพราะน้ำยาที่ขุ่นหรือมีตะกอนอาจมีประสิทธิภาพลดลง

แลคเกอร์: ควรเก็บกระป๋องในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดีและห่างจากความร้อน เพราะเป็นสารไวไฟ หลังใช้งานต้องทำความสะอาดหัวพ่นหรือขอบกระป๋องให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการแข็งตัวและการอุดตัน ส่วนชิ้นงานที่เคลือบด้วยแลคเกอร์แล้ว ควรทำความสะอาดด้วยผ้านุ่มๆ และหลีกเลี่ยงสารเคมีที่รุนแรงเพื่อไม่ให้ชั้นแลคเกอร์เสียหาย

ตารางปัญหาพบเจอบ่อย

อาการ สาเหตุหลัก แนวทางแก้
หมองเร็วหลังจับ/เก็บ ฟิล์มบาง/เวลาสั้น ล้างไม่ดี เหงื่อ/คลอไรด์สูง เพิ่มเวลา/ความเข้มข้น ปรับ DI ล้างซ้ำ-เป่าแห้งเร็ว ใส่ขั้น Top-coat
คราบรุ้ง/โทนเปลี่ยน อุณหภูมิ/เวลาสูงเกิน ฟิล์มหนาเกิน น้ำแข็ง ลดอุณหภูมิ/เวลา ปรับการกวน ใช้ DI/RO และอบแห้งควบคุม
คราบขาวหลังอบ แร่ในน้ำ ละอองค้าง/หยด ไม่ได้มีดลม/เอียงระบาย เพิ่มขั้น DI เข้ม ใช้มีดลมร้อน/เอียงชิ้น และตั้งเวลา drain
ฟิล์มลอก/เป็นปื้น ผิวไม่สะอาด ค่า pH/เข้มข้นเพี้ยน แร็คสัมผัสไม่ดี ทบทวนเตรียมผิว คาลิเบรต pH/คอนเซนเทรต ปรับแร็ค/การกวน
กลิ่นกำมะถัน/เหลืองบนงานเงิน คลอไรด์/ซัลไฟด์ปนเปื้อน DI ไม่พอ เปลี่ยนเป็น DI ทั้งสาย เพิ่มขั้น neutralize/activate เฉพาะงานเงิน
LINE