HEX-GREEN 64 — สีโครเมตเขียวทหาร (โครม 6)

สีโครเมตเขียวทหารชนิดโครม 6 (Olive Drab Chromate, Cr6) ให้ฟิล์มสีเขียวเข้มทนการกัดกร่อนสูงบนผิวซิงค์ เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานและภาพลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ยานยนต์ ฮาร์ดแวร์ภาคสนาม และอุปกรณ์เครื่องจักร

สำหรับบ่อขนาด 100 ลิตร: ใช้ HEX-GREEN 64 จำนวน 8 ลิตร ผสมกับน้ำกลั่น 92 ลิตร จากนั้นกวนให้เข้ากันก่อนนำไปใช้งาน เพื่อให้สารละลายมีความสม่ำเสมอเหมาะสมต่อการเกิดฟิล์มโครเมทสีเขียวทหาร

• กระบวนการโครเมทสีเขียวทหาร Olive Drab Chromate เป็นการเคลือบผิวชิ้นงานที่ชุบซิงค์เพื่อให้ได้ฟิล์มสีเขียวมะกอกที่ให้ความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง ชิ้นงานชุบซิงค์เรียบร้อยแล้ว: ต้องผ่านการชุบซิงค์มาแล้วเพื่อเป็นพื้นผิวสำหรับปฏิกิริยาโครเมทที่ยึดเกาะดีและคงทน


• ล้างน้ำสะอาด 2 ครั้ง: ล้างชิ้นงานด้วยน้ำสะอาดทันทีเพื่อกำจัดสารเคมีตกค้างจากกระบวนการชุบซิงค์ ลดการปนเปื้อนเข้าสู่บ่อโครเมทและช่วยให้ฟิล์มที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ


• จุ่มกรดดินประสิว 0.5%: จุ่มในกรดไนตริกเจือจางเพื่อกระตุ้นผิวและขจัดคราบออกไซด์ ทำให้การเคลือบโครเมทมีประสิทธิภาพและเกิดสีได้เต็มที่


• ล้างน้ำสะอาด: ล้างกรดที่ตกค้างออกด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด เพื่อลดความเสี่ยงของการเพี้ยนสีและคราบบนผิวงาน


• จุ่ม HEX-GREEN 64: จุ่มชิ้นงานลงในน้ำยาโครเมทสีเขียวที่ผสมไว้ตามสัดส่วน ปฏิกิริยาเคมีจะสร้างชั้นเคลือบสีเขียวทหารบนผิวชิ้นงานอย่างสม่ำเสมอ


• ล้างน้ำสะอาด 2 ครั้ง: ล้างน้ำยาโครเมทส่วนเกินออกด้วยน้ำสะอาดเพื่อลดคราบตกค้างและคงความสวยของเฉดสี


• เป่าลมอุ่น ไม่เกิน 50°C ให้แห้ง: ทำให้แห้งด้วยลมอุ่นที่ไม่ร้อนเกินไป เพราะความร้อนสูงจะทำลายชั้นโครเมทและทำให้สีซีดจาง ควรควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม


• ความหนาของชั้นซิงค์: แนะนำให้มีความหนาของชั้นซิงค์อย่างน้อย 5 ไมครอน เพื่อให้การเคลือบโครเมทมีคุณภาพ ยึดเกาะดี และให้ผลการทดสอบการกัดกร่อนที่สม่ำเสมอ


• ความทนทาน: ชั้นโครเมทสีเขียวทหารให้ความทนทานต่อการกัดกร่อนสูงกว่าโครเมทชนิดอื่นในหลายการใช้งาน เหมาะกับงานที่ต้องการความคงทนของฟิล์มและสีในสภาพแวดล้อมที่กัดกร่อน


• ความปลอดภัย: HEX-GREEN 64 เป็นสารเคมีที่มีโครเมียม 6+ Cr6+ ซึ่งเป็นอันตราย ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล PPE และจัดการน้ำทิ้งให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อกำกับด้านสิ่งแวดล้อม

Cr6 มีความเป็นพิษ: สารเคมีที่ใช้ในการทำโครเมทสีเขียวทหารมีโครเมียม 6+ (Cr6+) ซึ่งเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็ง ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ให้ครบ เช่น ถุงมือทนสารเคมี แว่นตานิรภัย และหน้ากากป้องกันไอระเหย และควรทำงานในบริเวณที่มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมไอระเหย

การจัดการน้ำทิ้ง: น้ำทิ้งและตะกอนที่เกิดจากกระบวนการนี้ต้องได้รับการบำบัดและกำจัดอย่างถูกต้องตามกฎหมายท้องถิ่นและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ห้ามปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ

• การปรับเวลาจุ่ม: เมื่อใช้น้ำยาผสมใหม่ ควรจุ่มชิ้นงาน 45–60 วินาที เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ และบ่อเริ่มเก่าลง ประสิทธิภาพของสารเคมีจะลดลง จึงจำเป็นต้องเพิ่มเวลาในการจุ่มเพื่อให้ได้สีที่สม่ำเสมอ
• ผลต่อความเงาของซิงค์: ผิวซิงค์ที่เงามากหรือมีสารเพิ่มเงาสูง อาจทำให้ชั้นโครเมทติดสีได้ยาก ซึ่งอาจทำให้สีที่ได้ไม่เข้มเท่าที่ควร
• การดูแลน้ำยา: ควรรักษาน้ำยาให้ใสและปราศจากสิ่งเจือปน การกรองตะกอนและเอาชิ้นงานที่ตกค้างออกจากบ่อ จะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของน้ำยาและรักษาคุณภาพการเคลือบให้คงที่

• สีไม่สม่ำเสมอ ปัญหา: ชิ้นงานที่ได้มีสีไม่สม่ำเสมอ เช่น สีเขียวอ่อนไปหรือเข้มไป สีซีดจาง หรือมีจุดด่าง สาเหตุ: การเตรียมผิวไม่ดี มีคราบไขมันหรือสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่บนผิวซิงค์ ความหนาของชั้นซิงค์ไม่สม่ำเสมอ เวลาจุ่มไม่เหมาะสม วิธีแก้ไข: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชิ้นงานสะอาดหมดจดก่อนจุ่ม และเพิ่มเวลาจุ่มในน้ำยาให้เหมาะสม


• ชั้นโครเมทหลุดลอกง่าย ปัญหา: ชั้นโครเมทที่เคลือบไว้หลุดออกได้ง่ายเมื่อขูดขีด สาเหตุ: ความร้อนสูงจากการทำให้แห้งเกิน 50°C หรือการจุ่มในน้ำยาโครเมทนานเกินไป วิธีแก้ไข: ใช้เพียงลมร้อนหรือพัดลมเป่าให้แห้ง และลดเวลาในการจุ่มให้สั้นลง


• น้ำยาในบ่อเสื่อมสภาพเร็ว ปัญหา: ต้องเติมสารเคมีบ่อยครั้งกว่าปกติ สาเหตุ: การปนเปื้อนจากขั้นตอนก่อนหน้า หรือการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง วิธีแก้ไข: ล้างชิ้นงานให้สะอาดก่อนจุ่ม และทำไทเทรตเพื่อตรวจสอบความเข้มข้นของสารเคมี ปรับเติมให้ถูกต้องตามปริมาณที่เหมาะสม


• เกิดคราบขาวหรือฟิล์ม ปัญหา: มีคราบขาวหรือฟิล์มบางๆ เกาะอยู่บนผิวชิ้นงาน สาเหตุ: ล้างน้ำยาโครเมทไม่สะอาด หรือแช่ชิ้นงานในน้ำหลังการจุ่มโครเมทนานเกินไป วิธีแก้ไข: ล้างชิ้นงานด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ครั้งหลังจากการจุ่มโครเมท และหลีกเลี่ยงการแช่น้ำนานเกินไป


• สีซีดจางหลังการใช้งาน ปัญหา: สีเขียวทหารซีดจางเมื่อเวลาผ่านไป สาเหตุ: ไม่มีการเคลือบสารป้องกัน หรือชิ้นงานสัมผัสกับสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน วิธีแก้ไข: เคลือบสารป้องกันในขั้นตอนสุดท้าย เช่น น้ำมันหรือซีลแลนต์ และหลีกเลี่ยงการให้ชิ้นงานสัมผัสสารเคมีที่รุนแรง