← กลับเมนูหลัก

Steel Brite Dip: น้ำยากัดเงาชิ้นงานเหล็ก

เพิ่มเงาหลังกัดกรด กัดคราบสเกลด่างดำ ทำงานอุณหภูมิห้อง ใช้คู่กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ พร้อมสเปก การผสม และขั้นตอนใช้งาน

ภาพรวมผลิตภัณฑ์

Steel Brite Dip คือ น้ำยากัดเงาเหล็กแบบจุ่ม (Chemical Polishing) ที่ช่วยเพิ่มความเงาหลังการกัดกรด กำจัดคราบสเกลด่างดำบนเหล็กคาร์บอนต่ำ ใช้งานที่อุณหภูมิห้อง (18–32 °C) โดยใช้ร่วมกับ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H₂O₂) ให้ผิวพร้อมลงชุบต่อได้ทันทีตามลำดับงานที่แนะนำ

จุดเด่นของ Steel Brite Dip

สรุปคุณสมบัติสำคัญสำหรับหน้างาน—เพิ่มเงา กัดคราบสเกล ใช้งานง่ายที่อุณหภูมิห้อง

เพิ่มเงา/ความสวย

ทำให้ผิวเหล็กเงาขึ้นหลังล้างไขมัน/กัดกรด พร้อมโชว์ผิวงาน

กัดคราบสเกล

กำจัดด่างดำ/สเกลบนเหล็กคาร์บอนต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำงานอุณหภูมิห้อง

ช่วง 18–32 °C คุมง่าย ลดภาระพลังงาน

ละลายน้ำดี ใช้คู่กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ผงกรดหยาบละลายง่าย ใช้กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 35%/50%

ออกฤทธิ์ไว

เวลาแช่ทั่วไป 30 วินาที–5 นาที รองรับงานเร่งด่วน

พร้อมลงชุบต่อ

จบขั้นตอนแล้วเข้าบ่อชุบได้ทันทีตามลำดับงาน

สเปก & สัดส่วนผสม

ค่าช่วงทำงานและอัตราส่วนผสมที่แนะนำสำหรับคุณภาพผิวคงที่

พารามิเตอร์ ค่า/ช่วง หมายเหตุ
Steel Brite Dip 40–65 กรัม/ลิตร ผงกรดละลายน้ำ
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 35% 100–200 ซีซี/ลิตร ทางเลือก
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 50% 70–140 ซีซี/ลิตร แนะนำ
อุณหภูมิ 18–32 °C หลีกเลี่ยง > 35 °C
เวลาแช่ 30 วินาที–5 นาที ขึ้นกับผิวจริง

ตัวอย่างการผสม (ถัง 40 ลิตร)

ส่วนผสม ปริมาณ
ผง Steel Brite Dip 2 กิโลกรัม
น้ำกลั่น/น้ำกรอง รวม 40 ลิตร (เท 20 ลิตร → ละลายผง → เติมอีก 20 ลิตร)
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 50% ~5.5 ลิตร
  • เทน้ำ 20 ลิตรลงถัง → ค่อย ๆ ละลายผง 2 กก. ให้เข้ากัน
  • เติมน้ำอีก 20 ลิตร
  • เติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 50% ~5.5 ลิตร กวนให้เข้ากัน

⚠️ ควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 35 °C ควรมีระบบหล่อเย็นหากจำเป็น

ขั้นตอนการทำงาน

นี่คือคำอธิบายขั้นตอนการทำงานและวิธีการดูแลสำหรับกระบวนการเตรียมผิวเหล็กก่อนการชุบ โดยเฉพาะการใช้สารเคมีกัดกรดและ Steel Brite Dip เพื่อให้ได้ผิวที่สะอาดและเงา

กระบวนการนี้เป็นขั้นตอนการเตรียมผิวชิ้นงานเหล็กก่อนการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า (Electroplating) เพื่อให้การชุบติดแน่นและได้คุณภาพดี

  • ล้างไขมัน: ขั้นตอนแรกคือการทำความสะอาดชิ้นงานเหล็กให้ปราศจากคราบไขมัน คราบน้ำมัน หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่จะขัดขวางการยึดเกาะของสารเคมี
  • ล้างน้ำสะอาด: ล้างชิ้นงานด้วยน้ำสะอาดเพื่อกำจัดสารเคมีจากการล้างไขมันที่หลงเหลือ
  • กัดกรด: จุ่มชิ้นงานลงในสารละลายกรดเพื่อขจัดสนิม สนิมแดง (rust) หรือคราบออกไซด์บนผิวเหล็ก
  • ล้างน้ำสะอาด: ล้างน้ำอีกครั้งเพื่อล้างสารละลายกรดออกให้หมด
  • จุ่ม Steel Brite Dip: จุ่มชิ้นงานลงในสารละลาย Steel Brite Dip ซึ่งเป็นสารเคมีพิเศษที่ทำให้ผิวเหล็กมีความเงาและพร้อมสำหรับการชุบ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ต้องควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 35 °C
  • ล้างน้ำสะอาด: ล้างชิ้นงานด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งเพื่อล้างสารเคมีจาก Steel Brite Dip
  • จุ่ม HCl/H₂SO₄: จุ่มในกรดไฮโดรคลอริก (HCl) หรือกรดซัลฟิวริก (H₂SO₄) ความเข้มข้น 10–20% เป็นเวลาสั้น ๆ 1–2 นาที ขั้นตอนนี้เป็นการ กระตุ้นผิว (activation) เพื่อให้ผิวเหล็กพร้อมสำหรับการชุบ
  • ล้างน้ำสะอาด: ล้างน้ำสะอาดครั้งสุดท้ายเพื่อขจัดคราบกรดออก
  • ลงบ่อชุบทันที: นำชิ้นงานลงบ่อชุบทันทีหลังจากการล้างครั้งสุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเหล็กทำปฏิกิริยากับอากาศ (ออกซิเดชัน) ซึ่งจะทำให้ผิวเหลืองส้มและคุณภาพการชุบลดลง

หมายเหตุ: หากชิ้นงานสัมผัสกับอากาศนานเกินไปจนผิวเริ่มเปลี่ยนสี สามารถแก้ไขได้โดยนำไปจุ่มใน HCl/H₂SO₄ อีกครั้ง จากนั้นล้างน้ำและลงบ่อชุบใหม่

การดูแลและปรับเติมสารเคมี

การดูแลรักษาสารละลาย Steel Brite Dip อย่างเหมาะสมจะช่วยให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย

  • ปิดฝาถัง: ควรปิดฝาถังเมื่อไม่ได้ใช้งานเพื่อป้องกันการระเหยและการปนเปื้อนจากภายนอก แต่ควรมีรูระบายอากาศเล็กน้อย
  • สังเกต "ฟอง": การเกิดฟองระหว่างการจุ่มเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของน้ำยา ถ้า ฟองลดลง แสดงว่าน้ำยาเริ่มเสื่อมสภาพ
  • การปรับเติม: เมื่อฟองลดลง ให้เติมสารเคมีดังนี้:
    • ผง: เติมผง 10–20 กรัม/ลิตร
    • H₂O₂: เติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H₂O₂) ความเข้มข้น 50% ปริมาณ 50–60 ซีซี/ลิตร
  • การควบคุมอุณหภูมิ: รักษาอุณหภูมิของสารละลายให้อยู่ในช่วง 18–32 °C หากอุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้น้ำยาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น สามารถใช้ระบบหล่อเย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิได้

ความปลอดภัย & สิ่งแวดล้อม

ความปลอดภัย (Safety)

กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและสารออกซิไดซ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE): สารเคมีอย่างกรด (HCl, H₂SO₄) และสารออกซิไดซ์ (H₂O₂) มีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจ ควร สวมถุงมือ, แว่นตานิรภัย และหน้ากาก ที่เหมาะสมกับสารเคมีแต่ละชนิดตลอดเวลาที่ทำงาน

พื้นที่ทำงาน: ควรทำงานใน พื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการสะสมของไอระเหยจากกรดและสารเคมีอื่น ๆ นอกจากนี้ควรระมัดระวัง การกระเด็น ของสารละลายขณะจุ่มชิ้นงาน ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

การจัดการสารเคมี: ควรหลีกเลี่ยง การปนเปื้อนของวัสดุอินทรีย์ (เช่น เศษไม้, กระดาษ) หรือ โลหะบางชนิด (เช่น ทองแดง, เงิน) กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H₂O₂) ที่มีความเข้มข้นสูง เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงและระเบิดได้

สิ่งแวดล้อม (Environment)

การกำจัดของเสียจากกระบวนการชุบโลหะต้องเป็นไปตามกฎหมายเพื่อป้องกันมลพิษทางสิ่งแวดล้อม

การจัดการของเสีย: ของเสียจากกระบวนการนี้เป็น ของเสียกรด และ มีส่วนผสมของโลหะ ที่มาจากชิ้นงานและสารเคมีที่ใช้

การบำบัด: ก่อนปล่อยทิ้ง ของเสียเหล่านี้ต้องผ่านการ ปรับค่า pH ให้อยู่ในระดับที่เป็นกลาง และ บำบัด เพื่อกำจัดหรือลดปริมาณโลหะหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

อ้างอิงเอกสาร: ควรตรวจสอบ SDS (Safety Data Sheet) และ TDS (Technical Data Sheet) ของสารเคมีแต่ละชนิดที่ใช้ เพื่อดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติ, อันตราย, และวิธีการจัดการอย่างถูกต้องตาม กฎหมายท้องถิ่น

ปัญหาที่พบบ่อย

จากการตรวจสอบขั้นตอนการทำงานและการดูแลรักษาที่คุณให้มา นี่คือ 5 ปัญหาที่พบบ่อยที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการเตรียมผิวเหล็กก่อนการชุบ:

1. คุณภาพผิวไม่สม่ำเสมอ หรือมีจุดด่าง

สาเหตุ: การล้างไขมันไม่สมบูรณ์ ทำให้มีคราบไขมันบางส่วนหลงเหลืออยู่บนผิวชิ้นงาน หรือเกิดการปนเปื้อนจากขั้นตอนก่อนหน้า

วิธีแก้ไข: ตรวจสอบประสิทธิภาพของน้ำยาล้างไขมันและเวลาที่ใช้ในการล้าง เพิ่มความเข้มข้นของน้ำยาหรือเพิ่มอุณหภูมิหากจำเป็น และตรวจสอบการล้างน้ำระหว่างขั้นตอนว่าสะอาดดีพอหรือไม่

2. ชิ้นงานเกิดสนิมหรือเปลี่ยนสี (เหลืองส้ม)

สาเหตุ: หลังจากจุ่มกรดหรือ Steel Brite Dip แล้ว ชิ้นงานสัมผัสกับอากาศนานเกินไป ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) หรือที่เรียกว่า "สนิมแฟลช" (Flash Rust)

วิธีแก้ไข: ลดระยะเวลาการพักชิ้นงานระหว่างขั้นตอนให้สั้นที่สุด และนำชิ้นงานลงบ่อชุบทันทีหลังจากล้างน้ำขั้นตอนสุดท้าย หากเกิดการเปลี่ยนสีแล้ว ให้จุ่มในกรด HCl/H₂SO₄ อีกครั้งเพื่อทำความสะอาดผิว

3. ประสิทธิภาพของน้ำยา Steel Brite Dip ลดลงอย่างรวดเร็ว

สาเหตุ: อุณหภูมิของน้ำยาเกิน 35 °C ซึ่งทำให้น้ำยาเสื่อมสภาพเร็ว หรือมีโลหะหนัก (จากชิ้นงาน) สะสมในปริมาณมาก

วิธีแก้ไข: ควบคุมอุณหภูมิของถังด้วยระบบหล่อเย็นให้อยู่ในช่วง 18–32 °C ตามที่ระบุไว้ และหมั่นเติมผงกับ H₂O₂ ตามคำแนะนำเมื่อ "ฟองลดลง" เพื่อรักษาสมดุลของน้ำยา

4. การชุบไม่ติด หรือมีการยึดเกาะไม่ดี

สาเหตุ: ผิวชิ้นงานไม่สะอาดเพียงพอ หรือการ "กระตุ้นผิว" ด้วยกรด HCl/H₂SO₄ ในขั้นตอนสุดท้ายไม่สมบูรณ์ ทำให้ผิวเหล็กไม่พร้อมสำหรับการยึดเกาะของชั้นชุบ

วิธีแก้ไข: ตรวจสอบความเข้มข้นและคุณภาพของน้ำยาในทุกขั้นตอน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าชิ้นงานจุ่มอยู่ในกรด HCl/H₂SO₄ อย่างทั่วถึงและนานพอ (1-2 นาที) ก่อนนำไปชุบ

LINE