← กลับเมนูหลัก

Anti-Tarnish BU-816 (Boil Type): น้ำยากันหมองแบบต้ม

ชำระคราบหมองด้วยความร้อน สร้างฟิล์มใส ไล่น้ำ แห้งเร็ว ใช้งาน 50–120 cc/L, 50–80 °C (ดีที่สุด >75 °C), pH 6–7, 10 วินาที–2 นาที

ภาพรวมผลิตภัณฑ์

น้ำยากันหมองแบบต้ม (Boil Type) ใช้ความร้อนช่วยเร่งการทำความสะอาดคราบออกไซด์ที่ฝังแน่นบนทองเหลือง ทองแดง หรือเครื่องประดับเงิน ทำให้ผิวกลับมาเงางามเหมือนใหม่ เหมาะเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังการชุบ/ล้างเงา

หลักการทำงาน: เมื่อ ต้มหรือจุ่มในน้ำยาที่อุ่น สารออกฤทธิ์จะทำปฏิกิริยากับชั้นออกไซด์ได้รวดเร็วขึ้น คราบหมองหลุดง่ายกว่าอุณหภูมิห้อง พร้อมสร้าง ฟิล์มใสบาง ที่ช่วยไล่น้ำและชะลอการหมองซ้ำ

รุ่น BU-816 ออกแบบให้ใช้ได้กว้าง: งานชุบสังกะสี (Zn), นิกเกิลเงา/ซาติน, ทอง, เงิน, โครเมียม และสแตนเลส ช่วย เคลือบปกป้องบริเวณที่ชุบไม่ติด ลดสนิม รักษาโทนสี เพิ่มความเรียบเนียนของผิว

จุดเด่นของ BU-816 (Boil Type)

ทำความสะอาดคราบหมองด้วยความร้อน เคลือบฟิล์มใส ไล่น้ำ แห้งเร็ว คงโทนสี และช่วยป้องกันสนิมเฉพาะจุด

เร่งปฏิกิริยาด้วยความร้อน

ล้างหมองลึกที่ 50–80 °C (เหมาะสุด >75 °C)

ไล่น้ำ & แห้งเร็ว

ลดคราบน้ำหลังล้างขั้นสุดท้าย เพิ่มผลผลิต

ฟิล์มใสไม่เปลี่ยนสี

คงเฉดสีชุบ ผิวเรียบเนียน ไม่กัดผิว

ช่วยกันสนิมจุดที่ชุบไม่ติด

เคลือบปกป้องบริเวณ miss plate ชั่วคราว

รองรับผิวหลากหลาย

Zn / Ni เงา–ซาติน / Au / Ag / Cr / สแตนเลส

pH อ่อน & ปลอดตะกั่ว

ช่วง pH 6–7 สูตรไม่มีตะกั่ว ควรสวม PPE

สเปก & ค่าการใช้งาน

พารามิเตอร์ ค่า/ช่วง หมายเหตุ
BU-816 (คอนเซนเทรต) 50–120 cc/L ผสมน้ำกลั่น/DI
อุณหภูมิ 50–80 °C ดีที่สุด >75 °C
เวลาในการจุ่ม 10 วินาที – 2 นาที ตามสภาพคราบ/ชิ้นงาน
pH ของน้ำยา 6 – 7 ตรวจสอบเป็นระยะ
น้ำที่ใช้ผสม น้ำกลั่น/DI ลดคราบเกลือ

ตัวอย่างการผสม

เตรียมน้ำยา 50 ลิตร

ส่วนผสม ปริมาณ วิธีการ
BU-816 (คอนเซนเทรต) 5 ลิตร ตวงให้แม่นยำ
น้ำกลั่น/DI 45 ลิตร เติม/กวนให้เข้ากันจนใส
  • เติมน้ำ ~70–80% ของปริมาตรถัง
  • เติม BU-816 ตามอัตราส่วน กวนให้เข้ากัน
  • ปรับอุณหภูมิไปที่ 50–80 °C ก่อนเริ่มจุ่ม

ภาชนะ & อุปกรณ์

ภาพรวมกระบวนการ

การกันหมองแบบต้มเป็นการใช้สารเคมีที่ต้องให้ความร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลือบผิวชิ้นงาน เช่น ทองแดง ทองเหลือง หรือทองคำ ซึ่งจะทำให้สารเคมีซึมเข้าเคลือบผิวได้ดีกว่าวิธีจุ่มเย็น และช่วยให้การป้องกันคราบหมองมีความคงทนยาวนานขึ้น

ภาชนะและอุปกรณ์

  • ตัวถัง: ควรใช้ถังที่ทนทานต่ออุณหภูมิและไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมี เช่น สแตนเลส, PE (โพลีเอทิลีน), หรือ PP (โพลีโพรพิลีน)
  • การให้ความร้อน: ใช้ฮีตเตอร์ที่เหมาะสม เช่น ฮีตเตอร์แก้ว, สแตนเลส, เซรามิก, หรือเทฟลอน เพื่อให้ความร้อนกับสารละลายจนถึงอุณหภูมิที่ต้องการ
  • การกวน: ควรมีระบบ กวนเบาๆ หรือไหลเวียน ของสารละลาย เพื่อให้ความร้อนและสารเคมีกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งถัง
  • การทำให้แห้ง: ใช้ เครื่องปั่นเหวี่ยง (centrifuge) หรือ ตู้ลมร้อน (hot air oven) เพื่อไล่น้ำและทำให้ชิ้นงานแห้งสนิทหลังจากการจุ่ม

ขั้นตอนการทำงาน

  1. เตรียมชิ้นงาน: ชิ้นงานต้องผ่านการชุบหรือการเตรียมผิวอื่นๆ มาอย่างเรียบร้อยและมีผิวที่สะอาด
  2. ล้างน้ำ: ล้างชิ้นงานด้วยน้ำสะอาดหลายขั้นตอน เพื่อกำจัดสารเคมีจากกระบวนการก่อนหน้า
  3. จุ่มน้ำกลั่น: แช่ชิ้นงานใน น้ำกลั่น เพื่อชะล้างแร่ธาตุที่อาจตกค้างจากน้ำประปา ทำให้ผิวชิ้นงานสะอาดที่สุด
  4. จุ่ม BU-816: จุ่มชิ้นงานลงในสารละลาย BU-816 ที่ อุณหภูมิที่กำหนด ตามคำแนะนำของผู้ผลิตและตามเวลาที่เหมาะสม
  5. ทำให้แห้ง: นำชิ้นงานขึ้นมาแล้วทำให้แห้งทันทีด้วย การอบร้อนหรือปั่นเหวี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำและให้สารเคลือบทำงานได้อย่างเต็มที่

ข้อควรระวัง

  • อุณหภูมิ: การควบคุมอุณหภูมิของสารละลายให้แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ
  • การทำให้แห้ง: การทำให้แห้งที่ไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิดคราบน้ำและลดประสิทธิภาพในการกันหมอง
  • ความสะอาด: การปนเปื้อนจากขั้นตอนก่อนหน้าจะส่งผลเสียต่อคุณภาพของงานกันหมองได้

ความปลอดภัย & สิ่งแวดล้อม

ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (EHS) สำหรับกระบวนการกันหมองแบบต้ม ที่เน้นการทำงานกับน้ำยาร้อนและสารเคมี

ความปลอดภัย (Safety)

การทำงานกับสารเคมีและอุณหภูมิสูงมีความเสี่ยง ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด:

  • อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE): ต้องสวมใส่ PPE ที่เหมาะสม ตลอดเวลา ได้แก่ ถุงมือ, แว่นตานิรภัย, และหน้ากาก เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับสารเคมี
  • ระวังน้ำยาร้อน: น้ำยาในบ่อมีอุณหภูมิสูง การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้เกิดอาการ ผิวหนังพุพองหรือบาดเจ็บรุนแรง ควรทำงานด้วยความระมัดระวังและไม่ให้สารละลายกระเด็นมาโดนผิวหนังหรือดวงตา
  • การระบายอากาศ: ควรทำงานในพื้นที่ที่มี อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการสูดดมไอระเหยจากสารเคมี

สิ่งแวดล้อม (Environment)

  • การจัดการน้ำทิ้งและตะกอน: น้ำทิ้งและตะกอนที่เกิดจากกระบวนการนี้อาจมีสารเคมีและโลหะผสมอยู่ ซึ่งถือเป็น ของเสียอันตราย
  • การกำจัดที่ถูกกฎหมาย: ต้องทำการจัดการและ กำจัดของเสียตามกฎหมายท้องถิ่น โดยการส่งให้ ผู้ได้รับอนุญาต เป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าของเสียจะได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องและปลอดภัยก่อนปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม

นี่คือปัญหาที่พบบ่อยในการใช้สารกันหมองแบบต้ม (BU-816) และแนวทางการแก้ไข

  1. เกิดคราบหรือจุดด่างบนชิ้นงาน

    สาเหตุหลัก:

    • ล้างน้ำไม่สะอาด: มีสารเคมีจากขั้นตอนก่อนหน้าตกค้างอยู่
    • คราบจากน้ำ: การใช้น้ำที่ไม่ได้ผ่านการกรองแร่ธาตุ ทำให้มีคราบน้ำเกิดขึ้น
    • ทำให้แห้งไม่ดี: หากชิ้นงานไม่แห้งสนิทหลังการจุ่ม จะทำให้เกิดคราบ

    แนวทางแก้ไข:

    • เพิ่มขั้นตอนการล้างน้ำให้สะอาดขึ้น
    • ใช้การจุ่มน้ำกลั่น (Deionized Water) ก่อนเข้าบ่อกันหมอง
    • ทำให้แห้งทันทีด้วยการอบร้อนหรือปั่นเหวี่ยง
  2. ประสิทธิภาพในการกันหมองต่ำ

    สาเหตุหลัก:

    • อุณหภูมิไม่เหมาะสม: อุณหภูมิของสารละลายต่ำเกินไป ทำให้การเคลือบผิวไม่สมบูรณ์
    • จุ่มไม่นานพอ: เวลาในการจุ่มสั้นเกินไป ทำให้สารเคลือบไม่ทั่วถึง
    • สารละลายเสื่อมสภาพ: มีสิ่งสกปรกหรือโลหะปนเปื้อนในบ่อ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง

    แนวทางแก้ไข:

    • ควบคุมอุณหภูมิของสารละลายให้แม่นยำ ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
    • เพิ่มเวลาจุ่ม ให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม
    • เปลี่ยนสารละลายใหม่ เมื่อประสิทธิภาพลดลง
  3. ปัญหาจากความร้อน

    สาเหตุหลัก:

    • การกระเด็นของน้ำยา: หากไม่มีระบบป้องกันหรือทำงานอย่างไม่ระมัดระวัง น้ำยาร้อนอาจกระเด็นโดนผิวหนัง
    • การควบคุมอุณหภูมิไม่คงที่: อุณหภูมิที่ขึ้นๆ ลงๆ อาจส่งผลต่อคุณภาพของสารเคลือบ

    แนวทางแก้ไข:

    • สวม PPE (อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล) อย่างถูกต้อง และ ทำงานอย่างระมัดระวัง
    • ใช้อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลาการทำงาน
LINE